การเก็บรักษารหัสบัตรเครดิตให้ปลอดภัยจากการใช้ซื้อสินค้าจากร้านค้าต่างๆ
เพื่อความไม่ประมาททางธนาคารได้มีนโยบายให้ทางร้านค้าหรือร้านค้าบนอินเตอร์เน็ตเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ถือบัตรเครดิตมากขึ้น โดยออกระเบียบให้มีการกำหนดรหัสบัตรเครดิตแบบแมนนวลด้วยมือจากเจ้าของบัตรเท่านั้น ซึ่งวิธีนี้สามารถป้องกันการโจรกรรมรหัสบัตรเครดิตได้อีกวิธีหนึ่งช่วยให้เจ้าของบัตรเกิดความมั่นใจได้ว่าง”รหัสบัตรเครดิต”ของตนเองจะไม่ตกอยู่ในมือมิจฉาชีพที่อาจแฝงตัวมาในคราบของพนักงานหรือร้านค้าออนไลน์
ระบบความปลอดภัยที่ว่านี้มีชื่อว่า Verified by VISA (VbV)
เป็นการกรอกรหัสบัตรเครดิตโดยผู้เป็นเจ้าของบัตรโดยตรงเท่านั้นและต้องกรอกต่อหน้าพนักงานซึ่งจะมีอุปกรณ์สำหรับใส่หมายเลขบัตรและพนักงานไม่มีสิทธิรู้ หรือถ้าคุณสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์บนอินเตอร์เน็ตเมื่อเข้าสู่หน้าสั่งชำระเงินก็มีจะช่องให้กรอกเลข 3 ตัวสุดท้ายของด้านหลังบัตรให้ ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้จะไม่ถูกเปิดเผยหรือรั่วไหลไปยังบุคคลที่ 3 หรือผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการขายแต่อย่างใด เป็นการการันตีความปลอดภัยให้กับเจ้าของบัตรได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะก่อนหน้านี้ได้มีร้านค้าและร้านขายสินค้าออนไลน์ใช้วิธีถามรหัสบัตรหรือกรอกลงไปในแบบฟอร์มการสั่งจ่ายเงินโดยตรงเสี่ยงต่อการ”ถูกขโมยรหัสบัตรเครดิต”เมื่อไม่มีทางเลือกลูกค้าก็ต้องจ่ายและบอกรหัสบัตรเครดิตให้บุคคลอื่นรับทราบ เมื่อเกิดปัญหาก็ยากที่จะตามหาว่าใครคือผู้ที่เป็นต้นเหตุทำให้ข้อมูลของรหัสบัตรของคุณรั่วไหลหากไม่รีบป้องกันมีความเป็นไปได้สูงว่ามิจฉาชีพอาจสั่งจ่ายสินค้าในชื่อของคุณจนหมดวงเงินก็เป็นได้
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยในการใช้บัตรเครดิตที่ถูกต้องลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตควรเลือกใช้บริการสั่งซื้อสินค้าและบริการกับร้านค้าที่มีระบบป้องกันการขโมยรหัสบัตรเครดิตทุกครั้ง หากร้านไหนที่ยังขาดระบบนี้ลูกค้าสามารถปฎิเสธการจ่ายด้วยบัตรเครดิตและเปลี่ยนไปใช้การจ่ายด้วยเงินสดหรือนัดรับสินค้าแล้วจ่ายเงินแทน